ทันตกรรมจัดฟัน
Orthodontic treatment

ยิ้มไม่มั่นใจ ฟันไม่เรียง แต่อยากจัดฟันแบบไหนดีให้ปัง?
อยากมีรอยยิ้มสวย มั่นใจ ฟันเรียงเป็นระเบียบ แต่ไม่รู้จะเลือกจัดฟันแบบไหนดี ใจเย็น ๆ นะคะ เพราะปัจจุบันมีตัวเลือกการจัดฟันหลากหลาย แต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสีย และราคาที่ต่างกัน
ก่อนอื่น ลองตอบคำถามเหล่านี้ก่อน
-
ปัญหาฟันของคุณเป็นแบบไหน? ฟันซ้อน ฟันเหยิน ฟันห่าง ฟันเก หรือขากรรไกรไม่สมดุล
-
ต้องการความสวยงามแบบไหน? เน้นโลหะใส เซรามิก หรือแบบไร้เหล็ก
-
มีงบประมาณเท่าไหร่? แต่ละแบบมีราคาเริ่มต้นที่แตกต่างกัน
-
ต้องการระยะเวลาในการรักษาแบบไหน? บางแบบเร็ว บางแบบช้า


จัดฟันแบบโลหะ
ช่วยแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ไม่เป็นระเบียบ ให้เรียงตัวสวยเป็นระเบียบตามที่ต้องการ และยังช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียว และการจัดฟันแบบโลหะยังถือเป็นแฟชั่น จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นวัยรุ่น ดารา นักร้อง นักแสดง และคนทั่วไปนิยมทำกัน
การจัดฟันแบบโลหะมี 2 แบบ คือ
-
จัดฟันโลหะแบบรัดยาง (Metal braces) เป็นการจัดฟันแบบโลหะธรรมดา ใช้เครื่องมือจัดฟันโลหะติดบนผิวฟัน ซึ่งลวดจัดฟันจะถูกรัดอยู่ในตัวแบร็คเก็ตด้วยยางจัดฟัน เพื่อให้ฟันมีการเคลื่อนที่ถูกต้อง ตรงตำแหน่งตามที่ทันตแพทย์กำหนดไว้
-
จัดฟันแบบดามอน (Damon) เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องใส่ยางจัดฟัน เพราะเครื่องมือจัดฟันแบบดามอนถูกออกแบบให้มีคลิปล็อคลวดจัดฟันอยู่ในตัวแบร็คเก็ต ทำให้ฟันเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์กำหนดไว้ได้ง่าย ลดแรงกดที่เกิดจากยางจัดฟัน ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่า
ขั้นตอนการจัดฟันแบบโลหะ
-
ปรึกษาทันตแพทย์ ตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟัน ทำประวัติก่อนการจัดฟัน ได้แก่ พิมพ์ฟัน ถ่ายรูป และถ่าย x-ray ทราบข้อดี-ข้อเสียเกี่ยวกับการจัดแบบโลหะ และการจัดฟันแบบอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ
-
เคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟัน เช่น ขูดหินปูน, ถอนฟัน, อุดฟัน, ผ่าฟันคุด เป็นต้น
-
นัดหมายติดเครื่องมือจัดฟัน
-
หลังจากติดเครื่องมือจัดฟัน ทันตแพทย์จะนัดปรับลวดประมาณ 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนครั้ง
-
เมื่อจัดฟันเสร็จทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟัน แล้วจะพิมพ์ฟันทำรีเทนเนอร์ ซึ่งมีหลากหลายแบบ ได้แก่ รีเทนเนอร์แบบใส รีเทนเนอร์แบบลวด รีเทนเนอร์แบบติดแน่น และรีเทนเนอร์แบบโลหะ เพื่อใช้คงสภาพฟัน ซึ่งควรใส่ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม
-
ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำทุกปีหลังจัดฟันเสร็จ เพื่อให้ฟันเรียงตัวสวยและแข็งแรง และลดปัญหาในช่องปาก

การจัดฟันใส
การจัดฟันใส คือ การจัดฟันแบบใช้เครื่องมือจัดฟันที่ทำจากพลาสติกใส บางๆ แทนการใช้เหล็กหรือโลหะ โดยเครื่องมือจัดฟันเหล่านี้จะถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้พอดีกับรูปฟันและช่วยให้ฟันค่อยๆ เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ


วิธีการจัดฟันใส
-
พบทันตแพทย์ : ทันตแพทย์จะประเมินปัญหาฟันของคุณ ถ่ายภาพเอ็กซเรย์ พิมพ์ปาก และอาจถ่ายภาพใบหน้าเพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา
-
สร้างแผนการรักษา: ทันตแพทย์จะใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างแผนการรักษา 3 มิติ แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนที่ของฟันของคุณในแต่ละขั้นตอนของการรักษา
-
ผลิตเครื่องมือจัดฟัน: เครื่องมือจัดฟันใสจะถูกผลิตขึ้นจากพลาสติกใส โดยใช้ข้อมูลจากแผนการรักษา
-
ใส่เครื่องมือจัดฟัน: ทันตแพทย์จะสอนวิธีใส่และถอดเครื่องมือจัดฟันใสอย่างถูกต้อง
-
ติดตามผล: คุณจะต้องไปพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อติดตามผลการรักษา ทันตแพทย์ อาจจำเป็นต้องปรับเครื่องมือจัดฟันของคุณตามความจำเป็น
-
สวมใส่รีเทนเนอร์: หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันใส คุณจะต้องสวมใส่รีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันของคุณไว้


การจัดฟันแบบโลหะ vs การจัดฟันแบบใส: เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
Service Name
การจัดฟันแบบโลหะ
ข้อดี:
-
ราคาถูก: เป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุด
-
ทนทาน: ยากต่อการเสียหาย เหมาะสำหรับคนที่มีกิจกรรมที่อาจทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดหรือแตกหัก
-
มีประสิทธิภาพ: สามารถจัดการกับปัญหาฟันที่ซับซ้อนได้ดี
-
ไม่จำเป็นต้องถอดเข้าออก อาศัยความร่วมมือน้อยเมื่อเทียบจัดฟันแบบใส
ข้อเสีย:
-
ไม่สวยงาม: มองเห็นเครื่องมือจัดฟันได้ชัดเจน
-
ทำความสะอาดยาก: ต้องใช้แปรงสีฟันและไหมขัดฟันพิเศษ
-
อาจทำให้ระคายเคืองช่องปาก: ลวดและเหล็กอาจกดหรือเสียดสีเหงือกและกระพุ้งแก้ม
-
มีข้อจำกัดด้านอาหาร: ควรหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว หรือเหนียว
Service Name
การจัดฟันแบบใส
ข้อดี:
-
สวยงาม: แทบมองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน
-
ถอดออกได้: สะดวกต่อการทำความสะอาดและรับประทานอาหาร
-
สบายปาก: ไม่กดหรือเสียดสีเหงือกและกระพุ้งแก้ม
-
ไม่มีข้อจำกัดด้านอาหาร: ทานอาหารได้ตามปกติ
-
รวดเร็ว : ใช้เวลาจัดฟันน้อยกว่า
ข้อเสีย:
-
ราคาแพง: มีราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
-
เปราะบาง: อาจเสียหายได้ง่าย
-
ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างเข้มงวด
-
เหมาะกับปัญหาฟันที่ไม่ซับซ้อน: อาจไม่สามารถจัดการกับปัญหาฟันที่ซับซ้อนได้ดีเท่าแบบโลหะ